รู้ไว้เพื่อป้องกัน ทำอย่างไรเมื่อลิฟท์ค้างในคอนโด
การพักอยู่อาศัยของคนสังคมเมืองปัจจุบันเริ่มมีความนิยมมากขึ้นในการเข้าพักตามคอนโดมิเนียมต่างๆ เพื่อประหยัดระยะเวลาการเดินทาง รวมถึงการเชื่อมต่อไปยังจุดหมายปลายทาง ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน หรือสถานศึกษาต่างๆ ตามแต่กิจวัตรของผู้อยู่อาศัย เนื่องด้วยการกระจุกตัวกันอยู่ในกรุงเทพมหานคร จึงทำให้คอนโดมิเนียมได้เสียดแทงจากพื้นดินขึ้นตระหง่าน เป็นทางเลือกให้กับผู้อยู่อาศัย ทำให้เห็นคอนโดสูงๆ ขึ้นมากมาย ซึ่งหลายคนอาจเลือกอยู่อาศัยตามชั้นสูงๆ เพื่อจะได้เห็นทิวทัศน์ได้อย่างทั่วถึง รวมถึงการหลีกเลี่ยงจำพวกแมลง แต่ทว่าการอยู่อาศัยบนตึกสูงๆ ก็มีความเสี่ยงเช่นกันซึ่งอาจมาจากอุปกรณ์อย่าง ลิฟท์ ที่เป็นเครื่องมือเดินทางสัญจรในย่านพักอาศัยที่สำคัญ
ซึ่งถ้าที่พักของเราเกิดกรณีลิฟท์ค้างหรือลิฟท์เสียกลางทาง เราควรทำอย่างไร จากข้อมูลของสมาคมลิฟต์แห่งประเทศไทยระบุว่า สาเหตุที่ทำให้ลิฟต์ค้างมี 3 กรณี ประกอบด้วย
1.กระแสไฟฟ้าดับ โดยลิฟต์จะค้างทันทีและเคลื่อนตัวไปยังชั้นที่ใกล้ที่สุด
2.อุปกรณ์นิรภัยตรวจพบสิ่งปกติ เช่น ประตูลิฟต์ถูกผู้ใช้งานเปิดออกเล่น
3.ระบบควบคุมการทำงานขัดข้อง ซึ่งกรณีนี้ลิฟต์จะไม่หยุดในทันที แต่จะเคลื่อนตัวสู่ชั้นที่ใกล้ที่สุดและหยุดการทำงาน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดเหตุการณ์ลิฟต์ค้าง ผู้โดยสารที่ติดอยู่ภายในควรจะตั้งสติและไม่หวั่นวิตกจนเกินเหตุ เนื่องจากภายในลิฟต์จะมีระบบระบายอากาศที่เพียงพอ พร้อมกับชุดไฟสำรองฉุกเฉินจะทำงาน เพื่อให้ผู้โดยสารที่ติดอยู่ภายในกดปุ่ม Emergency Call เพื่อพูดคุยกับผู้ที่อยู่ภายนอก เมื่อติดอยู่ด้านใน ให้สังเกตว่าลิฟต์ติดอยู่ใกล้เคียงกับชั้นใดเพื่อช่วยบอกข้อมูล โดยอย่าพยายามงัดประตูลิฟต์ออกมาเอง และรอเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านนอกมาช่วยเหลือ เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนและสามารถออกมาได้อย่างปลอดภัยและถูกวิธี
อย่างไรก็ตาม หากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงกรณีถึงขั้นลิฟต์ตก ซึ่งอาจจะไม่เกิดขึ้นกับลิฟต์รุ่นใหม่ๆ ที่แม้สลิงขาด จะมีระบบล็อกเพื่อช่วยเหลืออีกชั้น แต่หากเป็นรุ่นเก่าๆ และอาจเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นให้รีบตั้งสติโดยด่วนในภาวะคับขัน และทำในสิ่งที่ผู้โดยสารลิฟต์ไม่ทำในเวลาปกตินั่นก็คือ “กดปุ่มทุกชั้น เพื่อชะลอให้ลิฟต์ลงจอดช้าที่สุด” เมื่อกดแล้วให้หาที่จับที่ให้แน่น แต่ถ้าในลิฟต์เป็นที่โล่งให้ยืดหลังและศีรษะชิดผนัง รวมถึงงอเข่าเพื่อรองรับแรงกระแทก เนื่องจากเราไม่สามารถล่วงรู้ถึงอุบัติเหตุจากด้านในได้ว่า ลิฟต์จะตกกระแทกในเวลาใด และนี่ก็คือแนวทางเบื้องต้นที่ทุกคนสามารถจดจำและนำไปใช้ได้หากเกิดปัญหาลิฟต์ค้างที่เราไม่ได้คาดคิด แต่เราก็หวังว่าความรู้นี้จะนำเสนอเพียงเพื่อให้ทุกคนรู้ โดยที่ไม่ต้องใช้มัน เพียงเพราะการชำรุดของอุปกรณ์
จากใจ ZmyHome ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยครับ
ซึ่งถ้าที่พักของเราเกิดกรณีลิฟท์ค้างหรือลิฟท์เสียกลางทาง เราควรทำอย่างไร จากข้อมูลของสมาคมลิฟต์แห่งประเทศไทยระบุว่า สาเหตุที่ทำให้ลิฟต์ค้างมี 3 กรณี ประกอบด้วย
1.กระแสไฟฟ้าดับ โดยลิฟต์จะค้างทันทีและเคลื่อนตัวไปยังชั้นที่ใกล้ที่สุด
2.อุปกรณ์นิรภัยตรวจพบสิ่งปกติ เช่น ประตูลิฟต์ถูกผู้ใช้งานเปิดออกเล่น
3.ระบบควบคุมการทำงานขัดข้อง ซึ่งกรณีนี้ลิฟต์จะไม่หยุดในทันที แต่จะเคลื่อนตัวสู่ชั้นที่ใกล้ที่สุดและหยุดการทำงาน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดเหตุการณ์ลิฟต์ค้าง ผู้โดยสารที่ติดอยู่ภายในควรจะตั้งสติและไม่หวั่นวิตกจนเกินเหตุ เนื่องจากภายในลิฟต์จะมีระบบระบายอากาศที่เพียงพอ พร้อมกับชุดไฟสำรองฉุกเฉินจะทำงาน เพื่อให้ผู้โดยสารที่ติดอยู่ภายในกดปุ่ม Emergency Call เพื่อพูดคุยกับผู้ที่อยู่ภายนอก เมื่อติดอยู่ด้านใน ให้สังเกตว่าลิฟต์ติดอยู่ใกล้เคียงกับชั้นใดเพื่อช่วยบอกข้อมูล โดยอย่าพยายามงัดประตูลิฟต์ออกมาเอง และรอเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านนอกมาช่วยเหลือ เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนและสามารถออกมาได้อย่างปลอดภัยและถูกวิธี
อย่างไรก็ตาม หากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงกรณีถึงขั้นลิฟต์ตก ซึ่งอาจจะไม่เกิดขึ้นกับลิฟต์รุ่นใหม่ๆ ที่แม้สลิงขาด จะมีระบบล็อกเพื่อช่วยเหลืออีกชั้น แต่หากเป็นรุ่นเก่าๆ และอาจเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นให้รีบตั้งสติโดยด่วนในภาวะคับขัน และทำในสิ่งที่ผู้โดยสารลิฟต์ไม่ทำในเวลาปกตินั่นก็คือ “กดปุ่มทุกชั้น เพื่อชะลอให้ลิฟต์ลงจอดช้าที่สุด” เมื่อกดแล้วให้หาที่จับที่ให้แน่น แต่ถ้าในลิฟต์เป็นที่โล่งให้ยืดหลังและศีรษะชิดผนัง รวมถึงงอเข่าเพื่อรองรับแรงกระแทก เนื่องจากเราไม่สามารถล่วงรู้ถึงอุบัติเหตุจากด้านในได้ว่า ลิฟต์จะตกกระแทกในเวลาใด และนี่ก็คือแนวทางเบื้องต้นที่ทุกคนสามารถจดจำและนำไปใช้ได้หากเกิดปัญหาลิฟต์ค้างที่เราไม่ได้คาดคิด แต่เราก็หวังว่าความรู้นี้จะนำเสนอเพียงเพื่อให้ทุกคนรู้ โดยที่ไม่ต้องใช้มัน เพียงเพราะการชำรุดของอุปกรณ์
จากใจ ZmyHome ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยครับ
