อยากเริ่มลงทุนคอนโดควรทำอย่างไร?
นักลงทุนที่ดีต้องมีความรู้ในสิ่งที่จะลงทุน ซึ่งการลงทุนในคอนโดมิเนียม ผลตอบแทนจะมาจาก 2 ทางหลัก คือ 1. ค่าเช่า และ 2. การเพิ่มขึ้นของมูลค่าของบ้าน ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน ก็มาจากปัจจัยสำคัญ 2 ประการ คือ “กำลังซื้อของตลาด” และ “จำนวนบ้านที่มีเสนอขาย” หรือเรียกง่ายๆ ว่า “อุปสงค์”และ”อุปทาน”นั่นเอง
อย่างไรก็ตามสำหรับนักลงทุนมือใหม่ (ไม่ใช่นักลงทุนที่เชี่ยวชาญแล้ว) การจะทราบถึงอุปสงค์และอุปทานของตลาด เป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเนื่องจากประเทศไทยไม่ค่อยมีข้อมูลเหล่านี้ในระดับพื้นที่เผยแพร่ให้ผู้ที่ต้องการลงทุนได้ศึกษา เริ่มจากทำเลที่เราคุ้นเคย
สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุนในคอนโดมิเนียม ZmyHome จึงอยากแนะนำให้เริ่มลงทุนกับสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว เช่น โครงการหรือละแวกบ้านที่ตัวเองคุ้นเคย เป็นต้น
เพราะอย่างน้อยก็มีความเข้าใจข้อดีข้อเสียของพื้นที่และหาข้อมูลง่ายกว่าการศึกษาในพื้นที่ใหม่ (แต่ใครที่พร้อมที่จะศึกษาในพื้นที่อื่นๆ ที่ตัวเองเห็นว่ามีศักยภาพก็ไม่ว่ากัน) โดยนักลงทุนสามารถเริ่มต้นจากการสังเกตข้อมูลต่างๆ เหล่านี้
1. บ้านหรือคอนโดแถวนั้นมีคนใหม่ๆ เข้ามาอยู่อย่างต่อเนื่องหรือไม่ ทำเลที่ดีจะมีคนเข้ามาอยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง เช่น อยู่ในเมือง อยู่ใกล้ออฟฟิศ อยู่ใกล้มหาวิทยาลัย ฯลฯ และเราควรสังเกตว่าคนที่เข้ามาอยู่เหล่านี้เป็นใคร ถ้าเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ เช่น หมอ พนักงานบริษัทที่มีรายได้สูง ผู้ปกครองของโรงเรียนที่มีชื่อเสียง ก็จะยิ่งดี เพราะถือว่าทำเลนี้เป็นที่ต้องการของผู้ซื้อที่มีกำลังจ่ายนั่นเอง
2. คอนโดแถวนั้นมีถูกประกาศขายเยอะหรือไม่ ถ้าบริเวณนั้นหรือโครงการนั้นๆมีคนอยู่เยอะและมีห้องถูกประกาศขายน้อย (จะให้ดีไม่ควรมีเกิน 5%-10% ของห้องชุดในโครงการ) ผู้ซื้อในตลาดจะมีทางเลือกจำกัด และทำให้ผู้ขายมีกำลังในการต่อรอง ซึ่งทำให้ราคามีโอกาสเพิ่มขึ้น
3. สังเกตราคาของบ้านของคอนโดที่ถูกขายได้ ถ้าคุณรู้ราคาซื้อขายบริเวณนั้นมากๆ คุณก็จะเข้าใจราคาที่ตลาดยอมรับในบริเวณนั้นๆ และหลังจากนั้นเมื่อมีคอนโดที่คุณสนใจ คุณจะประเมินได้ว่าคอนโดนั้นถูกหรือแพง และมีโอกาสที่ราคาจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ในอนาคต แต่ข้อนี้เป็นสิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ แต่ในตลาดที่พัฒนาแล้วบางประเทศอย่างอเมริกา ผู้ที่กำลังจะซื้อหรือขายบ้าน สามารถหาข้อมูลนี้ได้จากเว็บไซต์กลางหรือนายหน้า เพื่อให้เข้าใจสภาพตลาดและสามารถซื้อขายได้อย่างถูกต้อง
4. ดูว่ามีตลาดเช่าหรือไม่ ส่วนข้อ 4. ZmyHome มักจะเรียกว่าเป็น Safety factor ของผู้ที่ต้องการจะซื้อคอนโดเพื่อลงทุน นั่นก็คือ “ค่าเช่า” นั่นเอง โดยหากพื้นที่ที่เราจะลงทุนมีคนนิยมมาเช่าอยู่มากๆ และค่าเช่าก็สูงกว่าดอกเบี้ยผ่อนบ้านที่คุณจะต้องจ่ายแต่ละเดือน ก็ถือได้ว่าคอนโดนั้นมีรายได้รองรับหากคุณไม่สามารถขายห้องชุดได้ หรือบางกรณีคุณอาจไม่ต้องการขายเนื่องจากราคาในช่วงนั้นๆ ไม่ดีเท่าที่ควร
สุดท้ายเป็นเทคนิคส่วนตัวของแอดมินเองนั่นก็คือ “ตลาดที่แทบจะไม่มีของประกาศขายเลย” ซึ่งต้องพิจารณาเป็นเซ็กเมนท์และความเหมาะสมของทำเลนั้นๆ และ “ค่าเช่าหรือราคามีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” 2 สิ่งนี้เป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าพื้นที่นั้นๆ มีความต้องการสูง และเมื่อมีผู้ต้องการซื้อ ผู้ซื้อก็มักจะต้องยอมจ่ายในราคาที่สูงขึ้นนั่นเองครับ
จากใจ
ZmyHome
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยครับ
อย่างไรก็ตามสำหรับนักลงทุนมือใหม่ (ไม่ใช่นักลงทุนที่เชี่ยวชาญแล้ว) การจะทราบถึงอุปสงค์และอุปทานของตลาด เป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเนื่องจากประเทศไทยไม่ค่อยมีข้อมูลเหล่านี้ในระดับพื้นที่เผยแพร่ให้ผู้ที่ต้องการลงทุนได้ศึกษา เริ่มจากทำเลที่เราคุ้นเคย
สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุนในคอนโดมิเนียม ZmyHome จึงอยากแนะนำให้เริ่มลงทุนกับสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว เช่น โครงการหรือละแวกบ้านที่ตัวเองคุ้นเคย เป็นต้น
เพราะอย่างน้อยก็มีความเข้าใจข้อดีข้อเสียของพื้นที่และหาข้อมูลง่ายกว่าการศึกษาในพื้นที่ใหม่ (แต่ใครที่พร้อมที่จะศึกษาในพื้นที่อื่นๆ ที่ตัวเองเห็นว่ามีศักยภาพก็ไม่ว่ากัน) โดยนักลงทุนสามารถเริ่มต้นจากการสังเกตข้อมูลต่างๆ เหล่านี้
1. บ้านหรือคอนโดแถวนั้นมีคนใหม่ๆ เข้ามาอยู่อย่างต่อเนื่องหรือไม่ ทำเลที่ดีจะมีคนเข้ามาอยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง เช่น อยู่ในเมือง อยู่ใกล้ออฟฟิศ อยู่ใกล้มหาวิทยาลัย ฯลฯ และเราควรสังเกตว่าคนที่เข้ามาอยู่เหล่านี้เป็นใคร ถ้าเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ เช่น หมอ พนักงานบริษัทที่มีรายได้สูง ผู้ปกครองของโรงเรียนที่มีชื่อเสียง ก็จะยิ่งดี เพราะถือว่าทำเลนี้เป็นที่ต้องการของผู้ซื้อที่มีกำลังจ่ายนั่นเอง
2. คอนโดแถวนั้นมีถูกประกาศขายเยอะหรือไม่ ถ้าบริเวณนั้นหรือโครงการนั้นๆมีคนอยู่เยอะและมีห้องถูกประกาศขายน้อย (จะให้ดีไม่ควรมีเกิน 5%-10% ของห้องชุดในโครงการ) ผู้ซื้อในตลาดจะมีทางเลือกจำกัด และทำให้ผู้ขายมีกำลังในการต่อรอง ซึ่งทำให้ราคามีโอกาสเพิ่มขึ้น
3. สังเกตราคาของบ้านของคอนโดที่ถูกขายได้ ถ้าคุณรู้ราคาซื้อขายบริเวณนั้นมากๆ คุณก็จะเข้าใจราคาที่ตลาดยอมรับในบริเวณนั้นๆ และหลังจากนั้นเมื่อมีคอนโดที่คุณสนใจ คุณจะประเมินได้ว่าคอนโดนั้นถูกหรือแพง และมีโอกาสที่ราคาจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ในอนาคต แต่ข้อนี้เป็นสิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ แต่ในตลาดที่พัฒนาแล้วบางประเทศอย่างอเมริกา ผู้ที่กำลังจะซื้อหรือขายบ้าน สามารถหาข้อมูลนี้ได้จากเว็บไซต์กลางหรือนายหน้า เพื่อให้เข้าใจสภาพตลาดและสามารถซื้อขายได้อย่างถูกต้อง
4. ดูว่ามีตลาดเช่าหรือไม่ ส่วนข้อ 4. ZmyHome มักจะเรียกว่าเป็น Safety factor ของผู้ที่ต้องการจะซื้อคอนโดเพื่อลงทุน นั่นก็คือ “ค่าเช่า” นั่นเอง โดยหากพื้นที่ที่เราจะลงทุนมีคนนิยมมาเช่าอยู่มากๆ และค่าเช่าก็สูงกว่าดอกเบี้ยผ่อนบ้านที่คุณจะต้องจ่ายแต่ละเดือน ก็ถือได้ว่าคอนโดนั้นมีรายได้รองรับหากคุณไม่สามารถขายห้องชุดได้ หรือบางกรณีคุณอาจไม่ต้องการขายเนื่องจากราคาในช่วงนั้นๆ ไม่ดีเท่าที่ควร
สุดท้ายเป็นเทคนิคส่วนตัวของแอดมินเองนั่นก็คือ “ตลาดที่แทบจะไม่มีของประกาศขายเลย” ซึ่งต้องพิจารณาเป็นเซ็กเมนท์และความเหมาะสมของทำเลนั้นๆ และ “ค่าเช่าหรือราคามีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” 2 สิ่งนี้เป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าพื้นที่นั้นๆ มีความต้องการสูง และเมื่อมีผู้ต้องการซื้อ ผู้ซื้อก็มักจะต้องยอมจ่ายในราคาที่สูงขึ้นนั่นเองครับ
จากใจ
ZmyHome
ฝากกดแชร์เป็นกำลังใจให้ด้วยครับ
