อุเทน โลหชิตพิทักษ์ นั่งเก้าอี้ CEO เคลื่อนพฤกษาแทนทองมา
“พฤกษา” ก่อตั้งในปี 2536 และเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นบริษัทมหาชนในปี 2548 เพื่อประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ทั้งทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว อาคารชุด และมีโรงงานพรีคาสท์ถึง 7 แห่งในจังหวัดปทุมธานี ทั้งบุกตลาดสร้างบ้านโดยคำนึงถึงกำลังซื้อของลูกค้าทุกระดับไม่ว่าน้อยหรือมาก และในปี 2559 ได้จัดตั้งบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการขยายธุรกิจใหม่ ๆ ตามแผนกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัท
จากมติที่ประชุมคณะกรรมการของบมจ. พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) ครั้งที่ 9/2565 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา โดยมีผลการลาออกตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป โดยได้แต่งตั้งนายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ให้รับตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร แทนนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ นอกจากนี้ ยังมีการแจ้งถึงการปรับปรุงโครงสร้างคณะกรรมการบริหารใหม่ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไป เช่นกัน โดยคณะกรรมการบริหารของบริษัทฯ ประกอบด้วยกรรมการจำนวน 11 ราย ได้แก่
- นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร
- นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ รองประธานกรรมการบริหาร
- นายวิเชียร เมฆตระการ กรรมการบริหาร
- นายปิยะ ประยงค์ กรรมการบริหาร
- นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ กรรมการบริหาร
- นางสาวพรภัทร องนิธิวัฒน์ กรรมการบริหาร
- นายพรเทพ ศุภธราธาร กรรมการบริหาร
- นางสาวอังคณา ลิขิตจรรยากุล กรรมการบริหาร
- นางสาวสุรวีย์ ชัยธารงค์กูล กรรมการบริหาร
- นายคเณศ กาญจนแก้ว กรรมการบริหาร
- นางสาวมธุกร ศัลยพงษ์ กรรมการบริหาร
อย่างไรก็ตาม ระบุ การลาออกนั้น นายทองมานั้น จะยังคงมีตำแหน่งเป็น รองประธานกรรมการบริษัท กรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน กรรมการกำกับการบริหารความเสี่ยง กรรมการบริหารและกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม อยู่
จากนั้นได้พลิกโมเดลการทำธุรกิจใหม่ ภายใต้กรอบแนวคิด “พฤกษา…ใส่ใจเพื่อทั้งชีวิต Tomorrow. Reimagined.” โดยให้ความสำคัญต่อ 3 แกนหลักที่เปลี่ยนแปลงตามเมกะเทรนด์โลก เพื่อเสริมจุดแข็งของพฤกษา
1. เทรนด์วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลง (lifestyle Disruption)
2.เทรนด์ความใส่ใจเรื่องสุขภาพ (Health & Wellness)
3.การพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Development)
แตกไลน์ธุรกิจพลังงานทดแทน
เริ่มจากด้วยการจับมือกับร่วมกับ กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ “บริษัท ปัน นิวเอนเนอจี จำกัด” สัดส่วนการถือหุ้น 50:50 เพื่อต่อยอดและสร้างจุดแข็งใหม่สำหรับโครงการของพฤกษา โดยมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ จำหน่ายและติดตั้ง Solar Roof มูลค่าโครงการร่วม 1,500 ล้านบาท ทั้งการขายติดตั้งแบบเบ็ดเสร็จ (EPC) และการซื้อขายพลังงานแสงอาทิตย์ มีผลตอบแทนส่วนลดค่าไฟในระยะยาว (PPA) เพื่อช่วยลูกค้าลดเงินลงทุน และได้ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด โดยมีการคิดค่าไฟฟ้าที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ลูกค้าได้ด้วย และสามารถให้บริการลูกค้าได้กว่า 12,500 ครัวเรือน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 126,000 ตัน ภายในระยะเวลา 5 ปี โดยมีแผนทดลองโมเดลหมู่บ้านที่ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ทดแทนการใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงการขยายสู่ธุรกิจด้านเทคโนโลยีจัดเก็บพลังงานในอนาคตอีกด้วย ถือเป็นการสร้างประโยชน์ต่อลูกบ้านในการประหยัดค่าไฟฟ้าและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
ขยายไลน์ธุรกิจโรงพยาบาลสู่ชุมชน
ด้านโรงพยาบาลวิมุต มีการขยายไลน์ธุรกิจ ด้วยการสร้างศูนย์ดูแลและฟื้นฟูสุขภาพสำหรับครอบครัวและผู้สูงอายุ “วิมุต เวลเนส” ตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการพฤกษา อเวนิว บางนา วงแหวน โครงการที่อยู่อาศัยที่ออกแบบบ้านให้เป็นบ้านเพื่อสุขภาพ (Healthy Home) สำหรับทุกวัย ไปจนถึงให้บริการดูแลสุขภาพถึงบ้านด้วยแพทย์เฉพาะทาง รวมทั้งบริการผ่านระบบออนไลน์ (Telemedicine) เพื่อจะสร้างโครงการให้เป็นชุมชนสุขภาพดี (Wellness Living Community) ภายใต้แนวคิดของ “อยู่ดี มีสุข” (Live Well, Stay Well) ในรูปแบบโรงพยาบาลกายภาพบำบัด บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป และมีบริการดูแลผู้สูงอายุ ถือเป็นการลงทุน"ต่อยอด"บริการด้านสุขภาพที่ตอบโจทย์การเข้าถึงบริการสุขภาพตั้งแต่อยู่ที่บ้าน ทำให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการ และชุมชนใกล้เคียงอุ่นใจ เพราะมีโรงพยาบาลอยู่ใกล้แค่เอื้อม เป็นอีกหนึ่งสเต็ปที่เข้ามาเติมเต็มโมเดลการพัฒนาบ้านสุขภาพดีของพฤกษาที่มุ่งผสานความแข็งแกร่งจาก 2 ธุรกิจได้แก่ เรียลเอสเตท และ เฮลท์แคร์ โดยมีแผนจะเปิด ซีเนร่า วิมุต เฮลท์ เซอร์วิส ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับเจเอเอสแอสเซ็ท เปิดเป็นศูนย์ฟื้นฟูและดูแลสุขภาพสำหรับครอบครัวและผู้สูงอายุ โดยตั้งอยู่ภายในพื้นที่โครงการ ซีเนร่า ซีเนียร์ เวลเนส ถนนคู้บอน เพิ่มอีก 1 แห่ง โดยตั้งเป้าขยายสาขา วิมุต เวลเนส ปีละ 3-4 แห่ง
เพิ่มโอกาสในธุรกิจใหม่ผ่านสตาร์ทอัพ
พร้อมกันนี้มีการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพด้าน Prop Tech และ Health Tech ผ่านโครงการการลงทุนในกิจการสตาร์ทอัพ (Corporate Venture) โดยในครึ่งปีแรก ได้ลงทุนใน “ Naluri” (นัลลูรี่) ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพดิจิทัล (Digital Preventive Wellness ) เฮลท์เทคจากมาเลเซีย และ “AMILI” บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพด้านจุลชีพในระบบทางเดินอาหารที่มีความแม่นยำแห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากสิงคโปร์ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามที่อยู่รอดของพฤกษาด้วยการลดความเสี่ยงจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ท่ามกลางวิกฤติจากภาวะเศรษฐกิจ ความไม่แน่นอนที่ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นั่นเอง
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ